Trends Shaping Education 2025

image

Trends Shaping Education 2025

OECD (2025) รายงานแนวโน้มสำคัญไม่ว่าจะเป็นทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อการศึกษา โดยสามารถจำแนกออกเป็น 4 หัวข้อหลัก คือ (1) Global Conflict and
Co-operation ซึ่งเน้นมิติทางภูมิรัฐศาสตร์ (2) Work and Progress ซึ่งเน้นมิติทางเศรษฐกิจและสังคม (3) Voice and Storytelling ซึ่งเน้นมิติทางการเมืองและวัฒนธรรม และ (4) Bodies and Minds ซึ่งเน้นมิติรอบตัวคน
ทั้งสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และสังคม สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1) Global Conflict and Co-operation กล่าวถึงความขัดแย้งและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
ระดับโลก ซึ่งทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจหดตัวลงและมีข้อจำกัดทางการค้ามากขึ้น รวมถึงภาครัฐก็มีแนวโน้มจัดสรรงบประมาณด้านความมั่นคงมากขึ้น ส่งผลต่อการจัดสรรงบประมาณสำหรับประเด็นสำคัญอื่นอย่างการศึกษา นอกจากนั้น ความขัดแย้งดังกล่าวยังอาจส่งผลระยะยาวในมิติอื่น ๆ เช่น สุขภาพจิตและสุขภาวะของผู้เรียนและผู้สอน การตั้งคำถามถึงบทบาทของการศึกษาในการสร้างสันติสุขโลก ความซับซ้อนของบริบททางสังคมจากการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน ซึ่งภาคการศึกษาสามารถมีส่วนช่วยในการสร้างความสมานฉันท์ภายในสังคมและการพัฒนาทักษะที่จำเป็นของแรงงานต่างถิ่น รวมถึงความร่วมมือหว่างประเทศด้านการศึกษาวิจัยที่ท้าทายมากขึ้น

2) Work and Progress กล่าวถึงตลาดแรงงานโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้มีงานรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้น และเงื่อนไขด้านความยั่งยืนทำให้งานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Job)
มีความต้องการสูงขึ้น ทว่า โครงสร้างทักษะแรงงานในตลาดกลับปรับตัวไม่ทันและเกิดภาวะไม่สอดคล้องกันระหว่างทักษะที่มีกับทักษะที่มีความต้องการ (Skill Mismatch) นอกจากนั้น วิถีในการทำงานและการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปจากทั้งการหลอมรวมเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันและการทำงาน ประกอบกับความตระหนักรู้ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดการเรียกร้องให้ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในการใช้ชีวิตและการบริโภคที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น

อีกแนวโน้มทางสังคมหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือความเสี่ยงที่ความไม่เท่าเทียมในสังคมจะรุนแรงขึ้น เนื่องจากวิกฤติค่าครองชีพและโอกาสในการประกอบอาชีพที่ทำให้อัตราการเติบโตของรายได้กลุ่มรายได้ต่ำและปานกลางช้ากว่ากลุ่มรายได้สูง รวมถึงการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศในโลกการทำงานก็มีมิติที่ซับซ้อนขึ้น  โดยพบทั้งความก้าวหน้าและความถดถอยในการรับรู้ประเด็นความเท่าเทียมทางเพศของคนในปัจจุบัน รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็ได้เปลี่ยนธรรมชาติของการทำงานและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมไปอย่างสิ้นเชิง ระบบการศึกษาจึงต้องสนับสนุนความคล่องตัว (Agility) ความสามารถในการฟื้นตัว (Resilience) ความยืดหยุ่น (Flexibility) และการบรรลุศักยภาพและความต้องการสูงสุดของตนเอง (Self-actualisation) ของผู้เรียน
เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับตลาดแรงงานที่มีความไม่แน่นอนและความเป็นพลวัตสูง

3) Voice and Storytelling กล่าวถึงการแสดงออกทางการเมืองและทางวัฒนธรรมที่ปรับรูปแบบไปของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในประเด็นความยุติธรรม สิทธิพลเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และประชาธิปไตย โดยแสดงให้เห็นถึงความไม่พึงพอใจในกระบวนการทางการเมืองรูปแบบเดิม ทั้งนี้ การศึกษาสามารถเสริมสร้างความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง (Active Citizenship) และสนับสนุนการลงมือแก้ไขปัญหาทางสังคมที่ตนสนใจ นอกจากนั้น แนวโน้มของประชานิยมและการแบ่งขั้วทางการเมืองทำให้ภาคการศึกษาจำเป็นต้องส่งเสริมให้เกิดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และเข้าใจการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลาย ประกอบกับการแพร่หลายของข้อมูลเท็จและอิสรภาพของสื่อที่ลดลงก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) และความเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizenship) ที่มีความรับผิดชอบ แม้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลและโลกาภิวัตน์จะน่ากังวลในแง่ที่อาจ
ทำให้อัตลักษณ์พื้นถิ่นสูญหายไป แต่ก็สามารถสร้างช่องทางในการแสดงออกทางวัฒนธรรมพื้นถิ่นที่หลากหลายและมีพลังได้เช่นเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของเครือข่ายอุปกรณ์ในชีวิตประจำวันสามารถเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับภาคการศึกษา

4) Bodies and Minds กล่าวถึงความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพกาย สุขภาพจิต ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ปัญหาเรื่องสุขภาพจิตกลายเป็นประเด็นสำคัญด้านสุขภาพที่น่าเป็นกังวล โดยเฉพาะภายหลังเหตุการณ์โควิด-19 รวมถึงปัญหายาเสพติด และการเสพติดรูปแบบใหม่นอกเหนือจากการเสพติดบุหรี่และแอลกอฮอล์ เช่น การเสพติดสื่อดิจิทัล ทำให้ปัญหาด้านสุขภาพและสุขภาวะมีบริบทที่กว้างขวางขึ้น นอกจากนั้น ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหลายประเด็นก็เชื่อมโยงกับปัญหาด้านสุขภาพและต้องได้รับการแก้ไขควบคู่กัน เช่น ขยะพลาสติก เชื้อดื้อยา อัตราการเกิดโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้ เป็นต้น การศึกษาสามารถช่วยส่งเสริมการปกป้องสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหาสุขภาพในกลุ่มผู้เรียนและบุคลากรทางการศึกษา

ความก้าวหน้าทางการแพทย์และเทคโนโลยีได้สร้างการรักษารูปแบบใหม่ ๆ และทำให้สามารถดูแลและสนับสนุนผู้พิการหรือผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้ดีขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีช่วยในการเจริญพันธุ์ทำให้เกิดโครงสร้างครอบครัวที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือคู่รักเพศเดียวกันก็สามารถกลายเป็นผู้ปกครองได้ อีกทั้งยังปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถทำให้เกิดการรวมกลุ่มทางวิชาการที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลของมนุษย์ยังเป็นประเด็นสำคัญ การศึกษาสามารถช่วยพัฒนาสมรรถนะทางอารมณ์และสังคม ทักษะที่จำเป็นในการดูแลผู้อื่น และทัศนคติที่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง

Reference List

OECD. 2025. Trends Shaping Education 2025. Paris: OECD Publishing. https://doi.org/10.1787/ee6587fd-en

image

ภารกิจ ผู้บริหาร ดูทั้งหมด

image

ข่าว สกศ. ดูทั้งหมด