วันที่ 27 สิงหาคม 2567 ดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานเปิดการประชุมคณะทำงานบูรณาการข้อเสนอ แนวทาง และแผนเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 2/2567 โดยมี ดร.รุ่งนภา จิตรโรจนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา นายวีระพงษ์  อู๋เจริญ ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลการจัดการศึกษา นางสาวจุไรรัตน์ แสงบุญนำ ผู้ทรงคุณวุฒิ  และ ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ข้าราชการ และบุคลากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย ณ ห้องประชุมภุชงค์ เพ่งศรี ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ควบคู่กับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านโปรแกรม Cisco WebEx

ดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า “ด้วยสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป ปัจจุบันควรมุ่งเน้นสมรรถนะเป็นสำคัญ สิ่งนี้จะทำให้การเรียนรู้ของผู้เรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วจึงค่อยเน้นที่ผลการศึกษา” ด้วยเหตุนี้จึงได้จัดการประชุมครั้งนี้ขึ้นเพื่อเร่งพัฒนาและขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายรัฐบาลให้สอดรับกับบริบทโลกได้อย่างทันท่วงที หลังจากที่ในครั้งก่อน (การประชุมครั้งที่ 1/2567) ที่คณะทำงานชุดนี้ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นและได้ร่วมกันองค์ความรู้ด้านการศึกษาไทยผ่านชุดข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชุดทักษะที่จำเป็น (Essential Skills Set) สำหรับเด็กและเยาวชนไทย สภาวะการศึกษาไทย ไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2567 เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จนตกผลึกแนวคิดที่หลากหลายสำหรับขับเคลื่อนยกระดับการศึกษาไทย 

สำหรับในครั้งนี้ได้มีรวบรวมและสังเคราะห์ข้อมูลใหม่อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาไทยมานำเสนอต่อที่ประชุมอย่าง “การประชุมสภาการศึกษานานาชาติ เรื่อง ความสามารถทางการแข่งขันด้านการศึกษาในสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไป” ที่สภาการศึกษาจับมือกับนานาชาติจัดการประชุมเสวนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อรับมือสภาพแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนไปก่อให้เกิดมุมมองใหม่ต่อการศึกษา โดยนายวีระพงษ์  อู๋เจริญ ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลการจัดการศึกษาได้นำเสนอผลการสังเคราะห์ข้อมูลจากการประชุมสภาการศึกษานานาชาติว่า “ประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ คือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) การศึกษาสีเขียว (Green education) หลักสูตร (Curriculum) ประเด็นเหล่านี้ถือเป็นประเด็นที่น่าจับตาและให้ความสำคัญมาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาการศึกษา” ข้อมูลเหล่านี้สอดคล้องกับ ดร.รุ่งนภา จิตรโรจนรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา ที่ร่วมนำเสนอผลการสังเคราะห์และจัดหมวดของหมู่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้มการพัฒนาการศึกษาที่ได้จากการสนทนากลุ่มด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) และการวิเคราะห์แบบมองอนาคต (Foresight Analysis) จากการประชุมพิจารณา (ร่าง) กรอบทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2567-2570

หลังจากนั้นที่ประชุมร่วมกันพิจารณา “ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบายรัฐบาล” ซึ่งเป็นแนวคิดที่เกิดจากการศึกษา วิเคราะห์ การติดตามและประเมินผลการศึกษาผ่านข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเสนอแนะปรับปรุงแผนการศึกษาแห่งชาติ มีรายละเอียดดังนี้ 
1) ลักษณะของแผนต้องตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาปัจจุบันและกำหนดทิศทางการศึกษาในอนาคต รวมทั้งมีเป้าหมาย ตัวชี้วัด และระยะเวลาในการดำเนินงานที่ชัดเจน
 2) สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ และมีกลไกการติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
 3) สร้างความต่อเนื่อง เชื่อมโยง สอดคล้อง และครอบคลุมการศึกษาทุกระบบ ระดับ และประเภทการศึกษา
 4) ครอบคลุมผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม NEETs ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทุกกลุ่มช่วงวัย 
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงวัยสูงอายุซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
 5) ปรับเปลี่ยนระบบการจัดการศึกษาจาก Supply side Education ที่เน้นสถานศึกษาและหน่วยจัดการศึกษาเป็นศูนย์การของการจัดการศึกษา เป็น Demand side Education ที่เน้นผู้เรียนและโลกการทำงานเป็นศูนย์กลางของการจัดการศึกษา
 6) ปรับเปลี่ยนจากการจัดการศึกษาที่เน้นความรู้ มาเน้นการพัฒนาทักษะและทัศนคติที่ดีให้กับผู้เรียน
ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาข้อเสนอแนะข้างต้น ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนสู่ประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจที่ควรนำมาพิจารณาเพื่อพัฒนาแผนการศึกษาแห่งชาติ เช่น การให้ความสำคัญกับทักษะการฟื้นตัว (Resilience) การใช้ AI เข้ามาช่วยกำหนดนโยบาย ประเด็นการอ่านที่เป็นพื้นฐานการต่อยอดความรู้ การลดช่องว่างทางการศึกษา การปรับชุดความคิดของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษา สุดท้ายองค์ความรู้ที่ได้จากการประชุมครั้งนี้จะถูกนำไปสนับสนุนการทำงานของคณะอนุกรรมการหรือทำงานอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนร่างแผนการศึกษาแห่งชาติต่อไป