ดร.สุเทพ นำทีม สกศ. ลุยภาคกลางตอนล่าง ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย เดินหน้ารับฟังสภาวการณ์การศึกษาเชิงพื้นที่
![image](http://backoffice.onec.go.th/uploads/Newssecgen/5234-image.jpg)
.
วันนี้ (๒๗ เมษายน ๒๕๖๖) เลขาธิการสภาการศึกษา (ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็น เรื่อง "สภาวการณ์การศึกษา ปี ๒๕๖๖ ครั้งที่ ๒ ภาคกลางตอนล่าง กลุ่มจังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงคราม โดยมี ที่ปรึกษาด้านวิจัยและประเมินและการศึกษา (นางศิริพร ศริพันธุ์) ผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ อดีตรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวจุไรรัตน์ แสงบุญนำ) อดีตผู้ช่วยเลขาธิการสภาการศึกษา (นางเรืองรัตน์ วงศ์ปราโมทย์) อดีตผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นางขนิษฐา ห้านิรัติศัย) พร้อมด้วย ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลการจัดการศึกษา (นางอำภา พรหมวาทย์) ผู้บริหารการศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา และผู้แทนหน่วยงานทางการศึกษา เข้าร่วมประชุมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กว่า ๑๐๐ คน ณ โรงแรมเซ็นทารา บายเซ็นทารา ชำอำ บีช รีสอร์ท จังหวัดเพชรบุรี
.
ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวเปิดงานใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันโลกเข้าสู่ยุค BANI World ซึ่งเป็นโลกที่เปราะบางมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การศึกษาสามารถดำเนินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยการกำหนดนโยบายทางการศึกษาที่มีคุณภาพ รองรับ และทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นจากการวิเคราะห์สภาวการณ์ทางการศึกษาที่ถูกต้องและแม่นยำ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการกำหนดนโยบายทางการศึกษา สำหรับการจัดทำสภาวการณ์การศึกษา ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ต้องศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลจากอดีตและปัจจุบัน เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาพยากรณ์และกำหนดทิศทางการจัดการศึกษาในอนาคต โดยกำหนดจุดเน้นที่การศึกษาเชิงพื้นที่ (Area Based Education) จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรับฟังความคิดเห็นจากคนในพื้นที่ มีการเก็บข้อมูลแบบ Bottom Up เป็นการเก็บข้อมูลจากส่วนภูมิภาคและนำข้อมูลไปสู่ส่วนกลาง ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษากับทุกภาคส่วนในระดับพื้นที่ สามารถสะท้อนข้อมูลจากผู้ปฏิบัติและบริบทพื้นที่ได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งกลุ่มจังหวัดเหล่านี้ประกอบอาชีพในกลุ่มภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคการท่องเที่ยว ดังนั้น การจัดการศึกษาจึงต้องวิเคราะห์ว่าในการพัฒนาการศึกษาสามารถตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดได้อย่างไร ซึ่งสกศ. จะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประกอบในการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย และนำไปสู่การจัดทำแผนการศึกษาในอนาคตต่อไป
.
นางสาวจุไรรัตน์ แสงบุญนำ อดีตรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การจัดการศึกษายุคใหม่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง สถานศึกษาต้องปรับรูปแบบ โรงเรียนอาจต้องยุบรวมมากขึ้นเนื่องจากนักเรียนน้อยลง สถาบันอุดมศึกษาอาจลดลง ทั้งหมดคือปัญหาที่ต้องรีบเร่งแก้ไข สกศ. ในฐานะหน่วยงานด้านนโยบายด้านการศึกษา ได้จัดทำ เอกสาร ข้อมูลทางวิชาการ และงานวิจัยจำนวนมาก ซึ่งบางส่วนได้จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากการระดมสมอง ดังนั้น ความคิดเห็นจากทุกท่านมีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพื่อ สกศ. จะนำไปจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย อีกทั้งทุกท่านสามารถนำไปต่อยอดใช้อ้างอิงในการทำงานวิจัย ศึกษาต่อ และทำผลงานวิชาการได้
.
นางอำภา พรหมวาทย์ ผู้อำนวยการสำนักประเมินผลการจัดการศึกษา กล่าวว่า สกศ. ในฐานะองค์กรหลักในการจัดทำนโยบายและแผนการศึกษา มีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญคือการวิเคราะห์สภาวการณ์การศึกษา ซึ่งจะเน้นศึกษา วิเคราะห์ ติดตามความเคลื่อนไหว และรายงานสภาวการณ์ด้านการศึกษาของประเทศ รวมทั้งพยากรณ์แนวทางและทิศทางการจัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการพัฒนาประเทศ รวมทั้งศึกษา วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และรายงานสมรรถนะด้านการศึกษาของประเทศไทยในระดับนานาชาติ เพื่อจัดทำข้อเสนอในการพัฒนาระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน อีกทั้งยังรองรับสภาวการณ์และความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน
.
สำหรับ การประชุมครั้งนี้ ยังมีกิจกรรมประชุมกลุ่มย่อย เพื่อวิเคราะห์สภาวการณ์การศึกษา ความท้าทาย เป้าหมาย และประเด็นร่วมสมัยทางการศึกษาที่สำคัญซึ่งส่งผลกระบบต่อการจัดการศึกษาในแต่ละพื้นที่ โดยที่ประชุมร่วมกันอภิปรายอย่างกว้างขวาง ข้อค้นพบที่ได้ อาทิ ๑) ในโลกดิจิทัล มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการขาดการกลั่นกรองความคิด หลงเชื่อสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย จึงควรมีการจัดการเรียนการสอนที่สร้างเด็กให้มีคุณธรรม จริยธรรม และการรู้เท่าทันสื่อ ๒) การจัดการศึกษาไม่ตอบโจทย์บริบทพื้นที่ ควรมีหลักสูตรที่ตอบสนองและสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ๓) ภารกิจครูที่มีมากกว่าการสอน และครูไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถทุ่มเทกับการสอนและไม่มีเวลาติดตามเด็กที่หายไปหรือออกกลางคัน ๔) โครงสร้างการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการมีความซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงบ่อย ๕) ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา ๖) ควรพัฒนาครูให้มีทักษะและความรู้เกี่ยวกับการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ หลังจากนั้น มีกิจกรรมกลุ่มย่อยเพื่อการวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอในการจัดการศึกษาหลังแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ใน ๓ ประเด็นสำคัญ คือ การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา การผลิตและพัฒนาครู และการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ ข้อค้นพบที่ได้ อาทิ ๑) ควรสนับสนุนงบประมาณที่เกี่ยวกับ ICT ให้สามารถจัดการศึกษาออนไลน์ให้เพียงพอและมีประสิทธิภาพ ๒) ควรเน้นการเรียนการสอนแบบ Active Learning โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม ๓) การผลิตครู ควรให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ
.
นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๘ เมษายน ๒๕๖๖ มีการลงพื้นศึกษาดูงานที่โรงเรียน ๔ แห่ง ที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้านสภาวการณ์ทางการศึกษา ได้แก่ ๑) โรงเรียนเพชรบุรีปัญญานุกูล ๒) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๗ ๓) โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย และ ๔) สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเพชรบุรี
.
สำหรับ การจัดประชุมและลงพื้นที่ศึกษาดูงานครั้งนี้ จัดโดยสำนักประเมินผลการจัดการศึกษา ทั้งนี้ สกศ. จะรวบรวมข้อมูล ข้อค้นพบ และข้อเสนอแนะทุกประเด็นที่ได้รับเพื่อนำไปวิเคราะห์ และใช้ประกอบการจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อยกระดับการจัดการศึกษาโดยใช้พื้นที่เป็นฐานในการพัฒนาการศึกษาต่อไป
![image](assets2/images/elements/choose-us-circle-shape.png)
![image](assets2/images/elements/choose-us-bg-shape-two.png)