วันนี้ (๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมสภาการศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ ร่วมกับกรรมการสภาการศึกษา โดยมี ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการสภาการศึกษา ร่วมหารือแนวทางการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการสภาการศึกษา ๙ คณะ เพื่อวางแผนการยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางการศึกษาไทยในเวทีโลกเพื่อขับเคลื่อนการศึกษาไทยในยุคที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร ชั้น ๓ อาคาร ๕๖ ปี สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) และในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านโปรแกรม Cisco WebEx

.

ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กล่าวว่า ในปี ๒๕๖๕ IMD ได้จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษา ประเทศไทยมีอันดับด้านการศึกษาอยู่ในอันดับที่ ๕๓ มีอันดับดีขึ้น ๓ อันดับ เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๖๔ และอันดับดีที่สุดในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมา ดังนั้นคณะกรรมการสภาการศึกษาจึงเร่งศึกษาแนวทางการยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางการศึกษาของไทย ได้กำหนดกรอบแนวคิดไว้ ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑) ยกระดับผลการประเมิน PISA เป้าหมายคือ เด็กไทยสามารถอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น มีทักษะการคิดวิเคราะห์ และสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้ จากการศึกษามาใช้ในชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพได้ ๒) ยกระดับผลการจัด IMD เพื่อให้เด็กไทยทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาลดลง และการจัดการศึกษามีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ๓) ยกระดับผลการจัดอันดับ WEF โดยจัดการศึกษาให้สามารถผลิตกำลังคนสมรรถนะสูงได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน และเด็กไทยทุกคนมีงานทำ มีทักษะที่ตรงต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ทั้งนี้คณะกรรมการสภาการศึกษาจะติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยใช้จุดเน้นในการสื่อสารเพื่อสร้างความรู้ความเขาใจให้กลุ่มเป้าหมายและสร้าง Dash Board เพื่อการติดตามและปรับปรุงการดำเนินงานดังกล่าว

.

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการสภาการศึกษาได้จัดตั้งอนุกรรมการจำนวน ๙ คณะ ได้แก่ ๑) ด้านนโยบายและแผน ๒) ด้านประเมินผลการจัดการศึกษา ๓) ด้านกฎหมาย ๔) ด้านมาตรฐานการศึกษา ๕) ด้านเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ๖) ด้านวิจัย เทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมด้านการศึกษา ๗) ด้านคุณธรรมจริยธรรม จิตอาสาและสำนึกสาธารณะ ๘) ด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการศึกษาพิเศษ และ ๙) ด้านอำนวยการ เพื่อรองรับการดำเนินงานตามนโยบายของคณะกรรมการสภาการศึกษา โดยในปี ๒๕๖๖ นี้ มีโครงการน่าสนใจ เช่น การขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านการศึกษาด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน การพัฒนาครูและผู้ทำหน้าที่ครูทุกช่วงวัย การจัดประชุมสมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาคและระดับชาติ ปูทางสานพลังเครือข่ายร่วมก่อนถึงเวที “Educational Policy of Political Party for All : นโยบายการศึกษาที่ประเทศต้องการ” เพื่อออกแบบการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์พื้นที่และทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) มาเป็นปัจจัยเร่งความสำเร็จของการสร้างสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่แท้จริงต่อไป

.

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ร่วมรับฟังรายงานสภาวะการศึกษาไทยปี ๒๕๖๕ ซึ่งพบว่าสถานการณ์โควิด-๑๙ เป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและกระทบต่อประสิทธิภาพในการเรียนรู้ สกศ. จึงได้กำหนดประเด็นนำเสนอคือ "การฟื้นฟูการเรียนรู้และการเร่งรัดประสิทธิผลของการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา" โดยเสนอให้มีการส่งเสริมเด็กด้วย Growth Mindset เพื่อให้มีวิธีคิดที่เชื่อว่าสามารถทุกคนสามารถพัฒนาได้เสมอเมื่อมีการฝึกฝน อีกทั้งควรเชื่อมต่อโลกแห่งการเรียนรู้สู่โลกแห่งการทำงาน (School to work Transition)ที่จะช่วยให้ระบบการศึกษามีความยืดหยุ่นและสามารถต่อยอดความถนัดของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.