วันนี้ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕) เลขาธิการสภาการศึกษา (ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ) เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อเตรียมการขับเคลื่อนงานของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ พร้อมด้วย รองเลขาธิการสภาการศึกษา (นายธนู ขวัญเดช) ที่ปรึกษาด้านวิจัยและประเมินผลการศึกษา (นางศิริพร ศริพันธุ์) คณะผู้บริหาร และข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ร่วมประชุม ณ ห้องกำแหง พลางกูร อาคาร ๕๖ ปี ชั้น ๓ สกศ.

.

ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการสภาการศึกษา มอบนโยบายที่เน้น ๓ ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ ๑) การยกระดับคุณภาพการศึกษาทุกช่วงวัย ที่สร้างกำลังคนคุณภาพตั้งแต่ระดับปฐมวัย การสร้างสมรรถนะอาชีพในวัยแรงงาน ตลอดจนการศึกษาของผู้สูงอายุ ๒) ยกระดับคุณภาพองค์กร ด้วยการปรับโครงสร้างเพื่อให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมรองรับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาชาติ ฉบับใหม่ และ ๓) ยกระดับและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางการศึกษา โดยเตรียมวางแนวทางกระจายอำนาจการวางแผนการศึกษาในระดับจังหวัด และส่งเสริมการให้ทุนวิจัยเพื่อให้เครือข่ายการศึกษาได้นำงานวิจัยไปใช้กับบริบทของพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

.

นายธนู ขวัญเดช รองเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า การขับเคลื่อนการศึกษาในวันนี้ไม่ใช่แค่เดินหน้า แต่ต้องพัฒนาแบบวิ่งและก้าวกระโดดเพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก สกศ. เป็นองค์กรที่ผลิตงานวิจัยคุณภาพจำนวนมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องต่อยอดงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติ ตลอดจนการสร้างสรรค์นวัตกรรมการเรียนรู้ โดย สกศ. ต้องปรับโครงสร้างภายในให้เข้มแข็ง เพื่อให้การบริหารราชการมีความคล่องตัว มีความเป็นมืออาชีพ และพร้อมต่อขับเคลื่อนการศึกษาให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านกำลังคนของอาเซียน

.

การประชุมครั้งนี้มีวาระสำคัญ คือ การปรับโครงสร้างส่วนราชการและการแบ่งงานภายในของ สกศ. ให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น โดยมีการจัดตั้ง “สำนักกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (สกช.)” เพื่อผลักดันนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนที่เกี่ยวข้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ นี้ สกศ. เตรียมแผนจัดทำและแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินตามร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ....  และศึกษาการพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะสูงและมีทักษะในยุคหลังโควิด (Post - Covid Skills) ดังนั้นบุคลากร สกศ. จึงต้องเตรียมปรับเปลี่ยนภารกิจงาน และวิเคราะห์เนื้องานไปตามความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อการดำเนินงานของ สกศ. เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป