วันนี้ (15 สิงหาคม 2565) ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 4 ครูกัลยา “วางรากฐานการศึกษาไทย สมรรถนะไกลสู่สากล”

.

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และทีมผู้บริหารร่วมแถลงผลงาน ณ อาคารหอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีผู้บริหาร ครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษา สื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมงานในครั้งนี้

.

ดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา  กล่าวว่า สภาการศึกษา เป็นหน่วยงานหนึ่งที่คุณหญิงกัลยา กำกับดูแลโดยได้มอบนโยบายไว้ว่า “สภาการศึกษาต้องเป็นเข็มทิศชี้นำการพัฒนาการศึกษาไทย” ซึ่งสำนักงานฯ ได้ขับเคลื่อนบทบาทดังกล่าวมาอย่างเต็มที่ หลายเรื่องเริ่มเห็นผลเชิงประจักษ์ ได้แก่

.

1. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาที่จัดโดย IMD ปีนี้ประเทศไทยดีขึ้น 3 อันดับซึ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี นั้นเกิดจาก สกศ.ให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง

2. การปรับระบบการศึกษาเพื่อวางรากฐานการศึกษาตลอดชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้เชื่อมโยงกับการพัฒนากำลังคนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ได้ดำเนินการและมีความก้าวหน้าในหลายเรื่อง อาทิ การผลักดันระบบธนาคารหน่วยกิต เพื่อให้สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาทุกที่ ทุกเวลา สามารถเทียบโอนความรู้ ประสบการณ์ และทักษะ ระหว่างการศึกษาในระบบ นอกระบบ ตามอัธยาศัย และระหว่างระดับการศึกษา ช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาและเป็นฐานของระบบ Re-skills Up-skills เชื่อมโยงกับการพัฒนากำลังและตลาดงาน โดย สกศ ได้ริเริ่มดิจิทัลแพลตฟอร์มเครดิตแบงก์แบบข้ามมหาวิทยาลัยต้นแบบไว้  การผลักดันระบบคุณวุฒิแห่งชาติ และพัฒนาต้นแบบกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ ใน 7 สาขาวิชา รวมทั้งเชื่อมสู่สากลด้วยกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน เพื่อวางรากฐานการพัฒนาด้านมาตรฐานแรงงาน ควบคู่กับการจ่ายค่าตอบแทนตามสมรรถนะ ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ) ได้รับไปขับเคลื่อนขยายผล ในการปรับหลักสูตรที่เชื่อมโยงกับระบบธนาคารหน่วยกิตใน 42 สาขาอาชีพ การปรับค่าใช้จ่ายรายหัว เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยปรับในแบบขั้นบันได เป็นระยะเวลา 4 ปี ด้วยคำนึงถึงทั้งมิติของความเดือดร้อนของผู้ปกครองและภาระค่าใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในหลักการแล้ว เมื่อ 26 กรกฎาคม 2565 การพัฒนาเด็กปฐมวัย ได้ร่วมกับอีก 6 กระทรวงที่จัดการศึกษาเด็กปฐมวัย เพื่อนำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัยไปขับเคลื่อนดำเนินงานแบบบูรณาการ ให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี เหมาะสมตามช่วงวัย หรือ ครบ 5H คือ Heart จิตใจดี มีวินัย Head เก่งคิด วิเคราะห์เป็น Hand ใฝ่เรียนรู้ มีทักษะ Health สุขอนามัยดี สุขภาพแข็งแรง และ Hi-tech รู้เท่าทันเทคโนโลยี

3. การขับเคลื่อนนวัตกรรม และอนาคต สกศ  เตรียมการพัฒนาคนเพื่ออนาคตของประเทศ อาทิ การผลักดันพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  การพัฒนาทักษะแห่งอนาคต การพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงและการพัฒนากลไกเชิงพื้นที่ โดยทักษะที่จำเป็นสำหรับแรงงานในปัจจุบันและอนาคต และต้องทำควบคู่กัน 2 ด้าน ได้แก่ 1) ระบบการศึกษา ต้องเร่งปรับเปลี่ยนการผลิตและพัฒนาคนสมรรถนะสูงเพื่อยกระดับความสามารถให้สูงขึ้น และ 2) การพัฒนาเชิงพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ กระจายความเจริญ และรายได้

          4. การสร้างความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนทางการศึกษาจากภาคส่วนต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศ เช่น การประชุมเครือข่ายการศึกษาและหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ เรื่อง “ทิศทางการศึกษาไทยกับการพัฒนากำลังคน ในศตวรรษที่ 21 เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสำหรับการทำงานในโลกที่ผันผวน” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการจัดการศึกษาให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติในการกำหนดทิศทางการศึกษาไทยกับการพัฒนากำลังคนในศตวรรษที่ 21 ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มผลิตภาพ แรงงานและเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศในสาขาการผลิตที่ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในอนาคตภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ในเสาหลักเศรษฐกิจ คือ 1) กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลแห่งอนาคต 2) กลุ่มอุตสาหกรรม ระบบขนส่งและโลจิสติกส์ 3) กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ 4) กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจบริการ การท่องเที่ยว และโรงแรม และ 5) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ

.

ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน ก้าวสู่ปีที่ 4 ครูกัลยา “วางรากฐานการศึกษาไทย สมรรถนะไกลสู่สากล” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 สิงหาคมนี้ ณ อาคารหอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ ในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การเสวนาเชิงวิชาการ โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ การแสดงจากนักเรียนโรงเรียนในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ชมนิทรรศการผลงานจากหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช