อนุฯพัฒนาเด็กปฐมวัย workshop แชร์ประสบการณ์ สานนโยบายสู่การปฏิบัติจริง
วันนี้ (๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดการประชุมหารือแนวทางการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ เพื่อรองรับการดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาปฐมวัย ที่มีรองนายกรัฐมนตรี (ดร.วิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน โดยการประชุมครั้งนี้มีเลขาธิการสภาการศึกษา (ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ) เป็นประธานการประชุม ฯ พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย (นางสาวจันทิมา ศุภรพงศ์) และคณะอนุกรรมการ ฯ ร่วมหารือ ณ ห้องสิปปนนท์ เกตุทัต อาคาร ๒ ชั้น ๒ สกศ.
ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีที่คณะอนุกรรมการ ฯ ทั้ง ๖ คณะ ได้แก่ ๑) คณะอนุกรรมการบูรณาการการพัฒนาเด็กปฐมวัย ๒) คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลด้านเด็กปฐมวัย ๓) คณะอนุกรรมการวิจัยพัฒนา และจัดการความรู้ด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ๔) คณะอนุกรรมการกฎหมาย และการคุ้มครองสิทธิ ๕) คณะอนุกรรมการด้านการสื่อสารเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย และ ๖) คณะอนุกรรมการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษและด้อยโอกาส มาร่วมกันพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางการดำเนินงาน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการทำงานก่อนเริ่มดำเนินงานจริง ให้งานเชิงนโยบายและแผนที่จะเกิดขึ้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงเชื่อมโยงแนวทางจากหลากหลายหน่วยงานเพื่อให้การปฏิบัติเกิดประโยชน์สูงสุด
ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย ที่มีการปรับปรุง(ร่าง) แผนพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๐ โดยมุ่งให้เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านเต็มตามศักยภาพ เป็นพื้นฐานของความเป็นพลเมืองคุณภาพ และให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการดูแลปกป้องเด็กปฐมวัย มีระบบที่บูรณาการทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติที่เชื่อมโยงไปสู่ทุกพื้นที่ในท้องถิ่น
อีกทั้งที่ประชุมได้หารือกันอย่างกว้างขวางถึงแนวทางการดำเนินงานพัฒนาเด็กปฐมวัย ที่จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลเด็กปฐมวัยเพื่อจัดทำ Data Base ขึ้นเป็นระบบสืบค้นออนไลน์ โดยขอความร่วมมือเชื่อมโยงชุดข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ เลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักจากทะเบียนราษฎร ประวัติสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งที่ประชุมยังมีความกังวลเกี่ยวกับระบบการจัดการที่มีความล่าช้า จึงต้องเร่งดำเนินการหาทางลัด เพื่อให้องค์ความรู้ไปถึงประชาชนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว โดยเสนอแนะให้ศึกษาจากต่างประเทศแล้วนำมาปรับใช้ รวมทั้งผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ Smart Phone ของเด็กไทยในปัจจุบันที่มีค่าเฉลี่ยการเข้าถึงและใช้งานมากกว่าประเทศอื่นนั้นส่งผลเสียต่อการพัฒนาการทั้ง ๔ ด้านมากกว่าผลดี โดยที่ประชุมมุ่งหวังว่าการดำเนินงานในครั้งนี้จะได้รับการผลักดันให้เกิดขึ้นจริง เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยให้สามารถช่วยเหลือตัวเอง และค้นหาความถนัดของตัวเองได้เพื่อต่อยอดสู่การประกอบอาชีพต่อไป