วันนี้ (๑๑ กันยายน ๒๕๖๓) รองเลขาธิการสภาการศึกษา (ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์) ร่วมการประชุมสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น เรื่อง แนวทางการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับความจำเป็นของผู้เรียนและลักษณะพื้นที่ของสถานศึกษา โดยมีที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ดร.ชัยพฤกษ์  เสรีรักษ์) กรรมการพัฒนาระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) (ดร.รังสรรค์ มณีเล็ก) พร้อมด้วยคณะทำงานและผู้แทนหน่วยงาน ณ ห้องประชุมสิปปนนท์ เกตุทัต ชั้น ๒ อาคาร ๒ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)

        สกศ. ได้ทำการศึกษาและวิจัยข้อค้นพบจากอัตราเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรี ๑๕ ปี ย้อนหลัง ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๓) ซึ่งมีค่าใช้จ่าย ๕ รายการ คือ ค่าจัดการเรียนการสอน ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พบว่า ที่ผ่านมาไม่มีการเปลี่ยนแปลงการจัดสรรเงินอุดหนุน ทำให้โรงเรียนไม่สามารถบริหารจัดการและจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ รวมทั้งผู้ปกครองก็ไม่สามารถจัดหาเครื่องแบบและอุปกรณ์การเรียนที่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องปรับการจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม

        จากการลงพื้นที่และรวบรวมข้อมูลการเบิกจ่ายงบประมาณเงินอุดหนุนจากต้นสังกัดต่างๆ พบว่า ไม่สอดคล้องและไม่เพียงพอ กับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการ ซึ่งห้วงเวลาดังกล่าวมีอัตราเงินเฟ้อสะสมเพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๕.๙๓ หากปรับเงินอุดหนุนตามอัตราเงินเฟ้อจะทำให้เงินสนับสนุนนักเรียนแต่ละระดับชั้นเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ระดับชั้น ป.๖ เดิมหัวละ ๓,๙๑๘ บาท ปรับตามเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเป็น ๔,๕๔๒ บาท ส่วนต่าง ๖๒๔ บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจริงแต่ไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เพียงพอได้

        ที่ประชุมจึงได้ร่วมกันเสนอทางเลือกโดยการปรับอัตราเงินอุดหนุนตามค่าใช้จ่ายจริง กรณีโรงเรียนปกติทั่วไป (ในระบบ) ตัวอย่างระดับชั้น ป.๖ เดิมสนับสนุนรายหัวละ ๓,๙๑๘ บาท ปรับตามประมาณการค่าใช้จ่ายจริงเพิ่มขึ้นเป็น ๘,๓๓๙ บาท ระดับชั้น ม.๓ เดิมสนับสนุนรายหัวละ ๖,๑๙๙ บาท ปรับตามประมาณการค่าใช้จ่ายจริงเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐,๙๔๔ บาท สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ยากลำบาก (จำแนกตามประกาศกำหนดสำนักงานในพื้นที่พิเศษของกระทรวงการคลัง) มีภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการเรียนการสอนมากกว่าโรงเรียนปกติทั่วไป และไม่สามารถระดมเงินจากผู้ปกครองหรือชุมชนเนื่องจากมีฐานะยากจน ที่ประชุมจึงเสนอให้เงินอุดหนุนแบบมีเงื่อนไข โดยประมาณการค่าใช้จ่ายเบื้องต้น เป็น ๕๕,๕๐๐ บาท/โรงเรียน/ปี

        ทั้งนี้ ข้อเสนอทั้งหมดจะนำไปปรับปรุง (ร่าง) ข้อเสนอแนวทางการจัดสรรงบประมาณฯ เพื่อนำเสนอต่อกรรมการสภาการศึกษา (กกส.) พิจารณาในปลายเดือนกันยายนนี้