วันที่ 24 มีนาคม 2568 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานเปิดการประชุมเรื่อง “แผนการศึกษาแห่งชาติกับอนาคตการศึกษาไทยที่คาดหวัง” มีผู้อภิปราย ได้แก่ ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ ดร.วัฒนาพร ระงับทุกข์ ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร นางกอบกุล อาภากร ณ อยุธยา ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ นายวิวัฒน์ วงศ์ภัทรฐิติ และนายนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักคิด บุคคลในแวดวงการศึกษา ในส่วนของสกศ. ดร.นิติ นาชิต รองเลขาธิการสภาการศึกษา นางอำภา พรหมวาทย์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนการศึกษา เข้าร่วมประชุม ณ ห้อง Balcony โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพมหานคร

รศ.ดร.ประวิต กล่าวว่า วันนี้อยากได้มุมมองที่หลากหลายจากนักคิด ผู้มีประสบการณ์ให้ข้อมูลความคิดเห็นเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนทิศทางในการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ เช่น วิธีการทำงานใหม่ ครูจำเป็นต้องเปลี่ยน การที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้จากกระบวนการคิดวิเคราะห์ จำเป็นต้องมีข้อมูล ทำอย่างไรให้เกิดกระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน มองเด็ก พ่อแม่ ผู้สูงอายุ การศึกษา รัฐเป็นผู้จัดการศึกษาต้องมีการออกแบบ มีระบบการประกันคุณภาพเพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษาผ่านระบบ E-Schooling และการเรียนรู้โดยใช้บ้านเป็นฐาน (Home-Based Learning) ซึ่งพ่อแม่จำเป็นยิ่งที่ต้องดูแลบุตรหลานมากขึ้น 

ที่ประชุมร่วมระดมสมอง “แผนการศึกษาแห่งชาติกับอนาคตการศึกษาไทยที่คาดหวัง” โดย มองความท้าทายอนาคตการศึกษา ครอบคลุมประเด็นผลกระทบที่ต่อเนื่องจากผลลัพธ์ในช่วง 5 ปี รวมถึง การลงทุนทางการศึกษา การวางรากฐานในระยะยาวให้กับเด็กและเยาวชนในการขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ต้องสร้างการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ ตั้งแต่ร่างกาย จิตใจ อุปนิสัย และสติปัญญาจึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ผลกระทบต่อเนื่องจากผลลัพธ์ในปัจจุบันที่ประเทศได้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไปสู่สังคมสูงวัย บริบทแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาการศึกษา ทั้งด้านความ ก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทักษะของประชากรวัยแรงงาน ตลอดจนการมุ่งพัฒนาประเทศ จึงต้องให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน เริ่มจากผู้ปกครองและครูที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ การ upskills เพื่อไปเรียนรู้ร่วมกับลูก การให้ความสำคัญกับสื่อและสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ โดยเฉพาะสื่อนอกระบบที่มีผลต่อการเรียนรู้ การลงทุนทางการศึกษาแม้เป็นการลงทุนเงินจำนวนมากแต่จะมีประโยชน์มหาศาลกับระบบนิเวศ (Ecosystem) ของการศึกษา ซึ่งนโยบายสาธารณะด้านการศึกษาต้องพิจารณาถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้ AI มาบูรณาการในบริบทต่าง ๆ

ท้ายนี้ หน่วยจัดการศึกษาต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างคนรุ่นใหม่ให้เท่าทันโลก เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถตอบโจทย์ประเทศได้ และสภาการศึกษาต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับนโยบาย ระดับปฏิบัติ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสาธารณชน ร่วมสร้างระบบการศึกษา พัฒนาคุณภาพของคนไทยทุกช่วงวัยเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศต่อไปในอนาคต