ใต้ชายคา สภาการศึกษา เปิดมุมมองใหม่ ขับเคลื่อนอนาคตการศึกษาไทย

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา จัดกิจกรรม “เสวนาใต้ชายคา สภาการศึกษา ครั้งที่ 2/2568” โดยมี ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร นายกสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้บริหารจาก สกศ. ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมภุชงค์ เพ่งศรี ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
“เสวนาใต้ชายคา สภาการศึกษา ครั้งที่ 2/2568” เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้ก้าวไกลและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยการพบปะสนทนาแลกเปลี่ยนมุมมองการทำงาน ระหว่างผู้บริหาร ผู้อำนวยการสำนัก และผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงการศึกษา ถือเป็นหนึ่งแนวทางในการกำหนดทิศทางและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานอย่างไรให้ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศตามบทบาทหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา โดยมุ่งเน้นการเปิดพื้นที่รับฟังมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับอนาคตของการศึกษาไทย ครอบคลุมประเด็นสำคัญ อาทิ การสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเสมอภาค การพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาที่มองไปถึงอนาคต นโยบายการคลังเพื่อการศึกษา ตลอดจนแนวทางการปฏิรูประบบการศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมและเศรษฐกิจปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กร “สร้างคน สกศ. เป็นนักวิชาการศึกษา เปิดมุมมองใหม่ทางการศึกษา ใช้ฐานงานวิจัยขับเคลื่อนองค์ความรู้ รอบรู้สภาวการณ์โลก สร้างกระบวนการพัฒนาและเสริมสร้างขีดความสามารถร่วมกัน และ Benchmark ตนเองอยู่เสมอ” มีรายละเอียด ดังนี้
•สร้างคน สกศ. เป็นนักวิชาการการศึกษา - เข้าใจบริบทของการศึกษา มีองค์ความรู้ด้านการวิจัยและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับหน้าที่ของตน
•สร้างมุมมองใหม่ทางการศึกษา - มุ่งสร้างคนให้มีงานทำ ดังนั้น สกศ. ต้องรู้และสามารถชี้ทิศทางการศึกษาอนาคตได้ และมองภาพการศึกษาที่กว้างกว่าเพียงแค่ในกระทรวงศึกษาธิการไปสู่ภาพรวมการศึกษาของประเทศ
•ใช้ฐานงานวิจัยขับเคลื่อนองค์ความรู้ - สกศ. ต้องมุ่งเน้นการวิจัยทั้งจากบุคลากรภายใน และการร่วมวิจัยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้เชิงประจักษ์สำหรับการพัฒนาการศึกษา
•รอบรู้สภาวการณ์โลก – เพราะการศึกษาอยู่รอบตัวเราและเกี่ยวข้องกับทุกปัจจัย สกศ. ต้องรู้รอบด้านพร้อมถอดบทเรียนจากมุมมองต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย
•การเสริมสร้างขีดความสามารถ (Capacity building) - องค์กรต้องก้าวไปสู่อีกระดับของการปฏิบัติงาน ผ่านการพัฒนาศักยภาพขององค์กรในทุกมิติ
•Benchmark ตนเองอยู่เสมอ – ควรมีการประเมินผลและเปรียบเทียบศักยภาพของตนอยู่เสมอ เพื่อการพัฒนาตนเองและรู้ถึงแนวทางสู่ความเป็นเลิศได้ชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการหารือแนวทางการดำเนินงานของ สกศ. ต่อนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะในประเด็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรงบประมาณการศึกษา เพื่อการบริหารทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด ปรับโครงสร้างให้กระชับตัว พร้อมดึงภาคเอกชนมามีส่วนร่วมต่อการศึกษามากยิ่งขึ้น สำหรับอีกประเด็นสำคัญคือแนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว โดยมุ่งหาจุดเชื่อมโยงนโยบายของหน่วยงานในแต่ละระดับ พร้อมสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่แข็งแกร่ง
เวทีเสวนายังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงความคิดเห็นผ่านการอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ซึ่งนำไปสู่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน สภาการศึกษามุ่งมั่นที่จะเดินหน้าจัดเวทีนี้กิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาไทยต่อไป เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนในการร่วมกันออกแบบและกำหนดทิศทางการศึกษาของชาติ เพราะเชื่อมั่นว่าการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ และการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต้องเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม

