วันนี้ (๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดอบรมโครงการจัดการความรู้ (Knowledge Management: KM) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาฐานข้อมูล ThaiEdResearch เรื่อง “รู้จัก Blockchain และการนำไปใช้” โดย ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการศึกษา (ดร.รุ่งนภา จิตรโรจนรักษ์) กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ข้าราชการและบุคลาการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เข้าร่วมการอบรม ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร ชั้น ๓ อาคาร ๕๖ ปี สกศ.

วงประชุมร่วมรับฟังบรรยาย “รู้จัก Blockchain และการนำไปใช้” โดย นายรติ มนตรีวัต Blockchain Engineer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB10X) กล่าวถึงความสำคัญของข้อมูลในการทำงานที่ต้องรวดเร็วและแม่นยำ ดังนั้น Blockchain จึงเข้ามาตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับการส่งข้อมูล ด้วยคุณสมบัติการจัดเก็บข้อมูลที่มีลักษณะเป็นสายต่อเนื่องกัน โดยมีเทคโนโลยีการเข้ารหัสและการแบ่งข้อมูลเป็นกล่อง Blockchain จึงสามารถนำส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส รวมถึงมีการจัดเก็บข้อมูลไว้ในบัญชีแยกประเภท (Ledger) ที่เปิดให้ใช้งานร่วมกันและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไข จึงสามารถช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการบันทึกธุรกรรมและติดตามสินทรัพย์ในเครือข่ายธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย

สกศ. ในฐานะองค์กรนำขับเคลื่อนการศึกษาที่มีคลังข้อมูลผลการวิจัย รวมทั้งสถิติทางการศึกษา ได้เห็นจุดเด่นของการเก็บข้อมูลแบบ Blockchain ในด้านความโปร่งใสและความปลอดภัย ในการช่วยติดตามข้อมูลและใช้สำหรับการอ้างอิงข้อมูล เพื่อไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนางานและสามารถรวบรวมประเด็นงานวิจัยใหม่ ๆ ให้กับฐานข้อมูลผลงานวิจัยทางการศึกษา (ThaiEdResearch) ที่เป็นแหล่งความรู้รวบรวมผลงานวิจัยทางการศึกษาจากการประชุมทางวิชาการการวิจัยทางการศึกษาระดับชาติ รวมถึงผลงานวิจัยทางการศึกษาที่มีคุณภาพของนักวิจัยจากหลายด้าน ให้มีความทันสมัย ก้าวทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงเพื่อเกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการที่จะสามารถนำไปใช้ในการศึกษา ค้นคว้า และต่อยอดการทำวิจัยได้อย่างหลากหลายและครอบคลุมทุกประเด็นทางการศึกษา

ทั้งนี้ สกศ. ได้ส่งเสริมให้บุคลากรมีความรู้ที่ก้าวทันโลก ผ่านกระบวนการ Knowledge Management ที่สามารถรวบรวม จัดระเบียบ แลกเปลี่ยนรวมถึงประยุกต์ใช้ความรู้ ตลอดจนพัฒนาฐานความรู้ขององค์กรสู่การพัฒนาฐานข้อมูลThaiEdResearch ซึ่งจะมีกิจกรรมการบรรยายพิเศษ การเสวนาวิชาการ และการอบรมเชิงปฏิบัติอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ รวมทั้งสิ้น ๖ ครั้ง เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ต่อไป