สกศ. มุ่งสู่อีสาน ส่งเสริมจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตาม NQF และAQRF

image

วันนี้ (๒๙ กันยายน ๒๕๖๕สำนักนโยบายและแผนการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ลงพื้นที่จัดประชุมเพื่อจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติและกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ โดย เลขาธิการสภาการศึกษา(ดร.อรรถพล สังขวาสีมอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษา (นางรัชนี พึ่งพาณิย์กุลเป็นประธานเปิดการประชุม ศึกษาธิการจังหวัดอุบลราชธานี (นายเสรี ตุ้มอ่อนกล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้บริหาร/ผู้รับใบอนุญาต/ครูจากโรงเรียนเอกชนนอกระบบในพื้นที่ภาคอีสานและทั่วประเทศ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด  จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี มุกดาหาร ยโสธรร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ และอำนาจเจริญ วิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)  แห่ง จากจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ วารินชำราบ ร้อยเอ็ด และมุกดาหาร เข้าร่วมประชุมและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้  โรงแรมลายทอง จังหวัดอุบลราชธานี

 

นางรัชนี พึ่งพาณิย์กุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษา (ผอสนผ.) กล่าวเปิดงานใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า การจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะเป็นการมุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยยึดความสามารถของผู้เรียนเป็นหลัก และพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะที่ต้องการ ทั้งนี้ กรอบคุณวุฒิแห่งชาติจะเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยง เทียบเคียง และเทียบโอนระหว่างคุณวุฒิการศึกษากับมาตรฐานอาชีพ ตลอดจนพัฒนาศักยภาพกำลังคนให้มีสมรรถนะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ

 

 

"การประชุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการขับเคลื่อนงานของกระทรวงศึกษาธิการในการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศด้วยระบบคุณวุฒิแห่งชาติ โดย สกศ.​ ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) มุ่งเน้นให้ผู้รับใบอนุญาต นำกระบวนการและหลักการในการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนนอกระบบที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน รวมถึงขยายผลแนวทางการดำเนินงานไปยังสถาบันการศึกษาในสังกัด สอศ.​ ที่เปิดการสอนหลักสูตรระยะสั้นต่อไปผอสนผกล่าว

 

 

ดร.ศิริพรรณ ชุมนุม ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโลกของงาน ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยี โครงสร้างของงาน ธรรมชาติของงาน ที่ตั้งและกระบวนการทำงาน แนวโน้มความต้องการกำลังคนที่มีทักษะที่จำเป็น ได้แก่ พหุทักษะ ทักษะการสื่อสาร มีความยืดหยุ่น มีวินัย สามารถทำงานเป็นทีม มีทักษะการคิด สามารถใช้ ICT มาตรฐานสากล และสามารถแก้ปัญหาได้ เป็นต้น กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน จึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนากำลังคนเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (National Qualifications Framework หรือNQF) เป็นการสร้างความเชื่อมโยงของระบบคุณวุฒิการศึกษาของประเทศกับระดับมาตรฐานการปฏิบัติงานภายใต้กรอบผลลัพธ์การเรียนรู้  ระดับ โดยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องของบุคคล เปิดโอกาสให้มีการประเมินเพื่อเทียบโอนประสบการณ์ และการเรียนรู้นอกระบบ เพื่อเพิ่มพูนคุณวุฒิการศึกษาที่ต้องการอีกทั้งยังเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้วย ในส่วนกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน (ASEAN Qualifications Reference Framework หรือ AQRF) เป็นกรอบที่ใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนา และจัดประเภทคุณวุฒิ โดยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกรอบคุณวุฒิแห่งชาติและกรอบคุณวุฒิระดับภูมิภาค เพื่อใช้เป็นกรอบแกนกลางในการอ้างอิงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของประเทศสมาชิกหนึ่งกับอีกประเทศสมาชิกหนึ่ง ซึ่งประเทศไทยได้รับการรับรองการเทียบเคียงอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนมกราคม .๒๕๖๓ ที่ผ่านมา

 

"การขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน หวังว่ากรอบคุณวุฒิแห่งชาตินี้จะเป็นกลไกสำคัญต่อการยกระดับการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศให้มีสมรรถนะ (Competency) มีทักษะและศักยภาพที่สามารถตอบสนองความต้องการของประเทศได้ต่อไป" ดรศิริพรรณ กล่าว

ดร.กาญจนา หงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายการผลิตและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สกศกล่าวว่า  กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (NQF) เป็นกรอบแนวทางการเชื่อมโยงระดับคุณวุฒิของประเทศโดยยึดตามระดับสมรรถนะของบุคคลที่เป็นผลลัพธ์ของการเรียนรู้ การศึกษา การฝึกอบรม จากกรอบคุณวุฒิทางการศึกษาและประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการทำงาน ซึ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ ประกอบด้วย ความรู้ ทักษะ และ ความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะและความรับผิดชอบ

 

สกศดำเนินการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติตามแผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ ประกอบด้วย ๕ กลยุทธ์ ดังนี้กลยุทธ์ที่  เร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ กลยุทธ์ที่  จัดทำต้นแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ กลยุทธ์ที่  เสริมสร้างความร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยว้องในการดำเนินงานตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ กลยุทธ์ที่  เชื่อมโยงคุณวุฒิในสาขาอาชีพที่จำเป็นสำหรับการพัฒนากำลังคนของประเทศไทยกับประเทศอาเซียนและระดับสากล และกลยุทธ์ที่  จัดทำ ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้การประชุมครั้งนี้ คาดหวังให้ตอบโจทย์กลยุทธ์ที่  ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งมีเป้าหมายต้องการพัฒนา "หลักสูตรให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพ โดยสามารถเทียบเคียง "ระดับคุณวุฒิกับ "กรอบคุณวุฒิแห่งชาติและสามารถนำคุณวุฒิจากประกาศนียบัตรไปศึกษาต่อเพื่อรับ "คุณวุฒิการศึกษาในระดับสูงขึ้นได้ดร.กาญจนา กล่าว

 

นายนที ราชฉวาง ผู้อำนวยการกลุ่มงานพัฒนาหลักสูตรและเทคโนโลยีการฝึก สำนักพัฒนาผู้ฝึกและเทคโนโลยีการฝึก กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า ภารกิจของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน แบ่งออกเป็น  ภารกิจสำคัญ ประกอบด้วย พัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงาน ได้แก่ พัฒนาและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติกำหนดอัตราค่าจ้างตามระดับมาตรฐานฝีมือ ทดสอบฝีมือคนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ จัดการแข่งขันฝีมือแรงงาน ระดับชาติ อาเซียน นานาชาติ เป็นต้น ฝึกอบรมฝีมือแรงงาน ได้แก่ พัฒนาทักษะฝีมือให้กับกลุ่มแรงงานใหม่ กลุ่มแรงงานที่มีงานทำอยู่แล้ว กลุ่มแรงงานนอกระบบ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้นและ ส่งเสริม/พัฒนาเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้แก่ ส่งเสริมให้นายจ้างหรือสถานประกอบกิจการมีส่วนร่วมในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ควบคุมกำกับดูแลการประกอบอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กร หรือส่วนราชการต่าง  เป็นต้น ประเภทการฝึก แบ่งออกเป็น  ประเภท ได้แก่ การฝึกเตรียมเข้าทำงาน มีกลุ่มเป้าหมายคือ แรงงานใหม่ ผู้ว่างงาน ผู้ด้อยโอกาส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะแก่ผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพ การฝึกยกระดับฝีมือ มีกลุ่มเป้าหมายคือ แรงงานในระบบ/นอกระบบ ผู้มีงานทำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเติม/ยกระดับทักษะ และ การฝึกอาชีพเสริม กลุ่มเป้าหมายคือ ผู้มีงานทำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ทักษะในสาขาอาชีพนอกเหนือจากที่ทำอยู่ปกติ

 

นายพิริยพงศ์ แจ้งเจนเวทย์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมคุณวุฒิวิชาชีพ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชนกล่าวว่า สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชนหรือ สคชมีหน้าที่หลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาระบบคุณวุฒิวิชาชีพ จัดทำมาตรฐานอาชีพโดยกลุ่มคนในอาชีพ และการให้การรับรองสมรรถนะเพื่อย้ำความเป็นมืออาชีพที่เป็นไปตามมาตรฐานกำหนด เป็นการสร้างโอกาสความก้าวหน้าในการทำงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามแนวทางที่เป็นสากล รวมถึงเป็นศูนย์กลางเครือข่ายข้อมูลสสารสนเทศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนของประเทศด้วยระบบคุณวุฒิวิชาชีพ พร้อมต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้ สคชได้ขับเคลื่อนการจัดการฝึกอบรมตามหลักสูตรฐานสมรรถนะด้วยสื่อการฝึกอบรมโดยพัฒนาระบบนวัตกรรมการเรียนรู้สมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพอิเล็กทรอนิกส์ หรือ TPQI E-Training ซึ่งจัดทำชุดฝึกอบรมสำหรับสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลคอนเทนต์ เพื่อพัฒนาสมรรถนะของบุคคลตามมาตรฐานอาชีพในการเข้าสู่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ทั้งนี้ต้องการให้สามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://e-training.tpqi.go.th

 

ดร.ศรายุทธ ทองอุทัย ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าววว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากทางเทคโนโลยี Artificial Intelligence (AI), Machine Learning, Automation ถูกนำเข้ามาใช้มากขึ้นในหลายๆ ภาคส่วน เพื่อพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการ และที่สำคัญคือถูกนำมาใช้แทนที่แรงงานมนุษย์ ดั้งนั้นจึงมีความจำเป็นที่มนุษย์ต้องปรับตัวและพัฒนาทักษะเพื่อให้ทันกับลักษณะงานที่เปลี่ยนแปลงไป การขยายผลการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมี  สาขานำร่อง ในวิทยาลัยเครือข่ายที่เปิดสอนสาขาอาชีพ  สาขา ดังนี้ โลจิสติกส์โครงสร้าง ที่วิทยาลัยเทคนิคชลบุรี )โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ที่วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ ปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ ที่วิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด พลังงาน และพลังงานทดแทน ที่วิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ อาหาร ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทรา เกษตร ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุพรรณบุรี เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และดิจิทัลคอนเทนต์ ที่วิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี และ แม่พิมพ์/เครื่องมือทางการแพทย์ ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม

 

 

นอกจากนี้ ในช่วงบ่าย มีการนำเสนอ "กรณีตัวอย่างการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนนอกระบบโดย ว่าที่ร้อยตรี ดร.กิตตินันท์ ครุฑพงษ์ ประธานกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนนอกระบบ (ปส.กช.) จังหวัดนครสวรรค์  ดร.วิไลวรรณ วรรณโชติผาเวช ผู้แทนผู้บริหารคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และประธาน ปส.กชจังหวัดเชียงใหม่ และนางเพ็ญพักตร์ กอแก้ว ประธาน ปส.กชจังหวัดมุกดาหาร และการ และการนำเสนอ "การพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนนอกระบบโดยดร.ประยูร หรั่งทรัพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน

ทั้งนี้ สกศจะนำข้อมูลที่ได้จากการประชุมครั้งนี้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานกรอบคุณวุฒิแห่งชาติในการยกระดับสมรรถนะกำลังคนของประเทศด้วยหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้นเพื่อรองรับระบบการขึ้นทะเบียนและรับรองหลักสูตรตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติในรูปแบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม

image

ภารกิจ ผู้บริหาร ดูทั้งหมด

image

ข่าว สกศ. ดูทั้งหมด