วันนี้ (๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดการประชุมคณะทำงานพิจารณากฎหมายลำดับรองที่สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ โดยมีนายอำนาจ วิชยานุวัติ เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักพัฒนากฎหมายการศึกษา (นายสมพงษ์ ผุยสาธรรม) ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะทำงาน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร อาคาร ๕๖ ปี ชั้น ๓ สกศ. และผ่านระบบการประชุมทางไกล (VDO Conference)

    นายอำนาจ วิชยานุวัติ ประธานคณะทำงานพิจารณากฎหมายลำดับรองที่สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการรับฟังความคิดเห็นและพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับกฎหมายปฏิรูปการศึกษา ทบทวนเรื่องที่ค้างดำเนินการ สิ่งที่ต้องมุ่งเน้นให้แล้วเสร็จ และร่วมกันปรับแนวทางการทำงานเพื่อความก้าวหน้าในการร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันโดยกรรมาธิการจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งจะเร่งดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕ นี้

   ที่ประชุมได้ร่วมกันเสนอแนะและพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ๑) ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยจัดทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ซึ่งทางคณะทำงานจะกลั่นกรองและปรับแก้เพิ่มเติมแล้วจะส่งให้รัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒) ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษาพิเศษ พ.ศ. .... ได้กำหนดนิยาม สิทธิและหน้าที่ของคนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้มีความสามารถพิเศษให้ชัดเจน โดยรัฐต้องให้โอกาสในการได้รับการศึกษาฟรีตามมาตรฐานอย่างมีคุณภาพ ๓) ร่างพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. .... สืบเนื่องจากทางคณะทำงานมีมติยกเลิกพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงได้จัดทำร่างฉบับใหม่ปรับจำนวนคณะกรรมการให้น้อยลง โดยอยู่ระหว่างทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ ๒ จากผู้ได้รับผลกระทบและประชาชนทั่วไป ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และ ๔) ร่างพระราชบัญญัติการบริหารข้อมูลสารสนเทศเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... ซึ่งเร่งดำเนินการก่อนร่างอื่นเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินงาน 

   ทั้งนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันเสนอและชี้แนะในร่างดังกล่าว โดยคณะทำงานจะดำเนินการปรับปรุงเพิ่มเติมและระดมความคิดเห็นต่อไปเพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาร่างกฎหมายซึ่งมีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและอนาคตของประเทศไทย