สกศ. เดินหน้ารับฟังความคิดเห็น (ร่าง) มาตรฐานการศึกษาของชาติ ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่

![]() |
![]() |
วันนี้ (๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐) ดร. ชัยยศ อิ่มสุวรรณ รองเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานการประชุมและนำเสนอ (ร่าง) มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. … โดยมีนางสาวสมรัชนีกร อ่องเอบ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมฟ้มมุ่ย โรงแรมเชียงใหม่ ออคิด จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ผู้บริหาร ศึกษาธิการจังหวัด เขตพื้นที่การศึกษา ครู ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการ ผู้ประกอบการ ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ฯลฯ เข้าร่วมประชุม
![]() |
นางสาวสมรัชนีกร อ่องเอิบ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษามีบทบาทหน้าที่ในการจัดทำแผนมาตรฐานการศึกษาของชาติ ฯลฯ ซึ่งมาตรฐานการศึกษานี้จัดทำขึ้นคร้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ และใช้มาถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี แล้ว และเป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกประเทศเป็นอย่างมาก ประเทศไทย ขณะนี้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีแผนการศึกษาแห่งชาติ ๒๐ ปี รวมทั้งสังคมเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ จึงถึงเวลาที่กลับต้องมา
ทบทวนมาตรฐานการศึกษาของชาติให้ทันสมัย สกศ. จึงได้ศึกษามาตรฐานของต่างประเทศ ประชุมระดมความคิดเห็นของทรงคุณวุฒิ รวมถึงได้จัดทำโพลเพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนถึงลักษณะที่พึงประสงค์ของคนไทย รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับแนวทางจัดการศึกษาสำหรับศตวรรษที่ ๒๑ "สี่เสาหลักทางการศึกษา" ของยูเนสโก ซึ่งประกอบด้วยการเรียนรู้ใน ๔ ลักษณะ คือ ๑. การเรียนรู้เพื่อรู้ ๒.การเรียนรู้เพื่อปฏิบัติจริง ๓.การเรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น และ ๔. การเรียนรู้เพื่อการใช้ชีวิต
โดยได้นำข้อมูลที่ได้ทั้งหมดมาจัดทำ (ร่าง) มาตรฐานการศึกษาของชาติ ร่างฯ ฉบับนี้ จึงมี ตัวชี้วัดน้อยลงแต่มีเนื้อหาเข้มข้นมากขึ้น มีสาระที่เหมาะกับบริบทของพื้นที่มาขึ้น
เมื่อจัดทำ (ร่าง) มาตรฐานการศึกษาของชาติเสร็จแล้ว สกศ. ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของ
ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดใน ๕ ภูมิภาค ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๓ คร้งแรกภาคใต้ ที่จ. สงขลา คร้งที่ ๒ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดที่จ. ขอนแก่น ส่วนคร้งต่อไป ภาคตะวันออก จัดที่ จ. ชลบุรี และครั้งสุดท้ายภาคกลางที่ กทม. เพื่อนำความคิดเห็นที่ได้ท้งหมดมาปรับและพัฒนามาตรฐานการศึกษาของชาติให้ครอบคลุม ชัดเจน สามารถนำสู่การปฏิบัติต่อไป
จากนั้นมีการนำเสนอ มาตรฐานการศึกษากับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย “ โดย รองศาสตราจารย์ดำรงค์ ทวีแสงสกุลไทย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนำเสนอ “ความต้องการกำลังคนของผู้ประกอบการ” โดย นายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก สภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ และนำเสนอง
![]() |
รศ ดำรงค์ ทวีแสงสกุลไทย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
กล่าวโดยสรุปว่า การจัดการศึกษาของเอเชียยังตามหลังยุโรปและอเมริกา เพราะเด็กยังไม่สามารถสะท้อนอะไรได้ จะทำตามครูทั้งหมด ครูเป็นบรรทัดฐาน จึงยังขาดความคิดสร้างสรรค์ ในการประชุมยูเนสโกที่มีกว่า ๑๙๐ ประเทศทั่วโลกร่วมประชุมมีมติด้านการศึกษาร่วมกันว่า การศึกษาต้องไม่ถูกจำกัด การศึกษาสามารถข้ามแดนได้ และให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาร่วม ทั้งต้องให้ความคล่องตัวแก่เด็ก ควรจัดการศึกษาที่ให้เด็กได้เรียนรู้แบบคล่องตัว และความรู้มีหลากหลาย ไม่ใช่สอนแต่ความรู้เก่าๆ ควรเปลี่ยนการสอนแบบ teaching เป็น Learning และแนะให้ใช้หลักแนวคิดของบลูม (Bloom ) ๖ ขั้น มาพัฒนาการศึกษา คือ ๑. Surveying ให้เด้กช่างสังเกต ๒.Understanding เมื่อไม่เข้าใจมาถามครู ครูเปล่ยนบทบาทเป็นพี่เลี้ยง ชี้แจงให้เด็กเข้าใจ ๓ .Acting เด็กได้ลงมือทำจริง ๔.Analysing เด็กรู้จักวิเคราะห์่ ๕.Evaluating เด็กต้องรู้จักลำดับความสำคัญ สามารถคิดแยกแยะ จัดลำดับความสำคัญได้ และ ๖.Creating ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งไทยควรใช้หลักนี้ในการจัดการศึกษา ทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงอุดมศึกษาเพื่อให้เกิดความคิดนวัตกรรม นอกจากนี้การจัดการศึกษาควรทำให้เด้กมีความพร้อมใน ๓ ด้าน ด้วยคือ ๑.ทัศนคติ เยาวชนต้องมีทัศนคติที่ดีต่อประเทศ ศาสนา สังคม ๒. มีความรู้ ๓.มีทักษะในภาคปฏิบัติ ซึ่งมาเลเซ๊ยขณะนี้ก็เสนอระบบประเมินGPA แบบใหม่ ที่เด็กจบมาไม่ดูที่เกรดอย่างเดียว แตใช้ทั้งความรู้ ทัศนคติและทักษะเป็นตัววัดด้วย สำหรับข้อเสนอที่ต้องการเสนอต่อสกศ. คือ ควรทบทวนนโยบาย แผนยุทธศาสตร์และมาตรฐานการศึกษาทุกระดับให้สอดคล้องกับนโยบายสากลทั้งภูมิภาคและยูเนสโก โดยเน้นเรื่องนวัตกรรม ทั้งควรพิจารณาทบทวนมาตรฐานของครูและนักเรียน ในเรื่อง ๑.ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้เหมาะสมในทุกระดับการศึกษา ๒.ทักษะการใช้ ไอทีเป็นเครื่องมือเสริมเพื่อประโยชน์ต่อการศึกษา ๓.เพิ่มขีดความสามารถตามแนวทางนวัตกรรมโดยเน้น Learning จากกิจกรรมใหม่ๆเพื่อให้ได้บุคลากรรุ่นใหม่ที่มีลักษณะ
์CAT C (Creativity )มีความคิดส้างสรรค์
A (adaptability ) พร้อมปรับเปลี่ยน T (Talent) มีความสามารถพิเศษตามที่ตนถนัด ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกิดขึ้น ต้องใช้สูตร
T = Cx I *3
T ( Talent ) = Capabilityx (Internal correction &
Improvement&Innovation) หรือคือสิ่งที่ต้องฝึก ๓ อย่าง คือ การแก้ปัญหา การรู้จักพัฒนา และสร้างนวัตกรรมใหม่
นอกจากนี้ การประเมินก็ต้องเปลี่ยนการประเมินจาก QA เป็น QAI คือ นอกจากจะเน้นให้มีคุณภาพพื้นฐานแล้วต้องให้เกิดการพัฒนาและนวัตกรรมด้วย
![]() |
![]() |
“ศักยภาพของภาคการศึกษาในการตอบสนองกำลังคนของผู้ประกอบการ” โดยรองศาสตราจารย์ ดร. ประพัฒน์ เชื้อไทย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก
![]() |
![]() |
ในช่วงบ่ายมีการแบ่งกลุ่มย่อย ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ ผู้บริหาร (ผู้บริหารศึกษาธิการจังหวัด/เขตพื้นที่/สถานศึกษา) กลุ่มที่ ๒ ศึกษานิเทศก์/ครู และกลุ่มที่ ๓ ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชนจังหวัด/นักวิชาการ/สถานประกอบการ/สภาอุตสาหกรรมฯ/สภาหอการค้า/สกอ./สอศ. เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน นำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนา (ร่าง) มาตรฐานการศึกษาของชาติให้มีความสมบูรณ์

